ฟุตบอล ประวัติ

ฟุตบอล ประวัติ

ฟุตบอล ประวัติ ฟุตบอลหรือที่ชาวอังกฤษนิยมเรียกว่า “SOCCER” เป็นกีฬาจำพวกหนึ่งที่คุ้นเคยกันดีและเป็นที่ชื่นชอบสูง ที่สุดและแพร่หลายจำนวนเยอะที่สุดในโลก เป็นที่ยอมรับกันว่าฟุตบอลได้เริ่มตอนนี้ตั้งแต่ต้นเล่นกันในประเทศอังกฤษในศตวรรษที่ 19 ซึ่งมีหลักฐานการบันทึกเรื่องราวการสร้างและจัดทำขึ้น กฎที่ต้องปฏิบัติ ข้อตกลงการเล่น สถาบันทางกีฬาฟุตบอลที่ยังคงจะศึกษาและทำการค้นพบได้ในปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันประเทศจีนก็มีหลักฐานที่ทำให้เข้าใจว่ากีฬาฟุตบอลอาจมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนก่อน ซึ่งมีหลักฐานการบันทึกเหตุการณ์ไว้ว่าเมื่อประมาณ 200 ปีก่อนคริสต์ศักราชว่า ชาวจีนได้เกิดการเล่นเกมส์เกมส์หนึ่ง เรียกว่า “ทสิชู” (Tsu Chu) ทสิ ซึ่งก็คือ การเตะ และ ชู หมายความว่า ลูกบอล ทหารจีนเล่นเกมส์ Tsu Chu โดยมีประตูซึ่งทำด้วยเสาไม้ไผ่และมีเนตด้วย ผู้เล่นที่ดีเยี่ยมที่สุดก็จะมีการช่วยส่งเสริม (อาจจะเสมือนทีมของกองทัพคอมมิวนิสต์ในปัจจุบัน) และบ้างครั้งผู้แพ้ก็จะถูกลงโทษด้วย (เหมือนกันกับผู้จัดการทีมฟุตบอลอังกฤษในขณะนี้)

ฟุตบอล ประวัติ

 

สมัครสมาชิก betflix

ฟุตบอล ประวัติ ส่วนชาวญี่ปุ่นก็เป็นชนชาติหนึ่งที่เกิดการเล่นเกมส์นี้ด้วยเหมือนกัน

เกมส์นี้เรียกว่า “เกมมาริ” (Kemari) มีผู้นิยมเล่นกันมา ตั้งก่อนหน้าคริสต์ศักราช @BFLIX88 และได้รับการพัฒนาในตอนศตวรรษที่ 17 ชาวญี่ปุ่นได้มีการสร้างขอบเขตเขตและมุมของ สนามเพื่อจะเล่นเกมนี้โดยต้นสน ต้นเชอร์รี่ ต้นเมเใบเสร็จรับเงิน และต้นวิลโล เป็นแถวเขตโดยธรรมชาติ แม้กระนั้นจากหลักฐานของกรีกโบราณและโรมันโบราณก็เกิดการเล่นเกมส์ชนิดฟุตบอลด้วยเช่นกัน ในประเทศกรีซ เรียกชื่อเกมส์ว่า “อีพิสไครอส” (Episkyros) และชาวโรมันเรียกชื่อเรื่องเกมส์ว่า “ฮาพาสตัม” (Harpastum) เกมส์นี้เป็น การเล่นที่มีเป้าหมาย หรือประตูของฝ่ายตรงข้าม และรวมทั้งเตะลูกบอลไปยังจุดมีความต้องการ จากหมู่บ้านหนึ่งไปยัง พวกบ้านหนึ่ง โดยทุ่มหรือขว้างไป ซึ่งคำว่า ฮาพาสตัม หมายความว่า การเหวี่ยงไปข้างหน้า ชาวโรมันได้ดัดเปลี่ยนแปลงเกมส์ ฮาพาสตัมใหม่ โดยเฉพาะเจาะจง กติกาการเล่นใหม่ โดยใช้แต่เพียงเท้าเตะลูกบอลแค่นั้น ส่วนมือใช้ทุ่มลูก ประชาชนชาวเมืองฟลอเรนซ์ในอิตาลีก็เท้าความสิทธิว่า เกมส์ “คาลซิโอ” (Calcio)

เกมส์นี้นิยมเล่นกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ที่เมือง เปียซซ่า เคลลา โครเก (Piazza della Groce)

ในศตวรรษที่ 16 โดยมีผู้เล่นข้างละ 27 คน แต่ละกลุ่มจะสวมชุด รูปกีฬาฟุตบอล เครื่องแต่งกายประจำถิ่นหรือประจำหมู่บ้านนั้น ๆ ซึ่งเป็นชุดในยุคเรเนสซองส์ ในขณะนี้นี้ก็ยังเกิดการทำให้รู้นี้เพื่อจะให้นักไปเที่ยวชม ต่อจากนั้นชาวโรมันได้นำเกมส์นี้ไปเล่นที่อังกฤษ และชาวอังกฤษก็ได้ปรับปรุงกระบวนการเล่น เทคนิคการเล่น ตลอดจนกติกาให้ เหมือนปัจจุบันนี้ เกมส์ฟุตบอลได้เปลี่ยนมาใช้เท้าทายเล่นกันขั้นแรก ๆ เหมือนตอนนี้ เกมส์ฟุตบอลได้แปลงมาใช้เท้า เล่นกันประการแรก ๆ จะนิยมเล่นกันเป็นหมู่ ๆ เฉพาะเจาะจงหมู่คนทั่วไปแค่นั้น ไม่จำกัดปริมาณผู้เล่น ประตูห่างกันมาก ใช้ณ เวลาเล่นยาวนานเป็นชั่วโมง เกมส์นี้ได้กลายเป็นสิ่งฉจำลองในงานพิธีต่าง ๆ ของอังกฤษ ดังเช่นว่า วันโชรฟทิวส์เดย์ (Shrove Tuesday) นิยมเล่นกันที่แอชบราวนี (Ashbourne) มรเดอยริไฌร (Derbyshtre) ชาวเมืองจะใช้ประตูทางเข้าของโบสถ์ และประตูของห้องโถงแอชบราวนีเป็นประตูของแต่ละฝ่าย เกมส์นี้เป็นที่ชื่นชอบมากและเผยแพร่เข้าสู่ชนบท และกลับกลายเป็นประเพณีนิยมเล่นในจังหวัดต่าง ๆ เกมส์สมัยนั้นเล่นกันรุนแรง บาดเจ็บกันมาก จึงมีพระราชบัญญัติ ห้ามเล่นเกมส์นี้ในปี ค.ศ. 1314 ซึ่งออกโดยพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 2 ระบุโทษจำคุกแก่บุคคลที่เล่นกีฬาฟุตบอลด้านในเมืองลอนดอน ในปี 1801 กีฬาจำพวกนี้ได้รับการขัดเกลาให้ดียิ่งขึ้น มีการกำหนดจำนวนผู้เล่นให้เท่ากันในแต่ละข้าง ขนาดของ สนาม 80 – 100 หลา (73-91 ม.) และมีประตูทั้งสองข้างที่ริมสุดของสนามซึ่งทำด้วยไม้ 2 อัน ห่างกัน 2-3 ฟุต ในปี ค.ศ. 1850 ได้เกิดการออกกฎระเบียบไปยังดินแดนต่าง ๆ ให้ปฏิบัติตาม จำกัดจำนวนผู้เล่นให้เหลือข้างละ 11 คน โดยมีผู้เล่นกองหน้า 9 คน และมีผู้รักษาประตู 2 คน ผู้รักษาประตูใช้เท้าเล่นเหมือน 9 คนแรก จนกระทั่งลดน้อยลง เหลือผู้รักษาประตู 1 คน และอนุญาติให้ใช้มือหยิบลูกบอลได้ในปี 1880 ในปี 1857 สโมสรฟุตบอลแรกได้ตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกที่เมืองเชนนิลด์ ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 26 ตุลาคม 1863 สโมสรฟุตบอล 11 แห่ง มาประสบกันที่กรุงลอนดอน และก่อตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งลอนดอนขึ้น ทำให้ฟุตบอล จำเป็นที่จะต้องเล่นตามกฎที่ต้องปฏิบัติตามและกติกาของสมาคมฟุตบอล ในประเทศสหรัฐอเมริกา ฟุตบอลได้รับความนิยมต่ำลงมากยิ่งกว่าอเมริกาฟุตบอลมาก กระทั่งได้มีการจัดการแข่งขันชิงชัย ฟุตบอลโลกที่ประเทศอังกฤษ และทีมชาติอังกฤษเป็นผู้ชนะเลิศ จึงเป็นสิ่งบันดาลให้กีฬาฟุตบอลเป็นที่นิยม ในอเมริกา เกิดการริเริ่มต้นตั้งขึ้นสโมสรฟุตบอลขึ้น เกิดการนำนักฟุตบอลทีมชาติต่าง ๆ ที่เด่น ๆ มาร่วมทีมสหรัฐ นำมาซึ่งการทำให้ มีคนนิยมเล่นและเข้าชมกีฬาฟุตบอลเพิ่มขึ้น

มาทำความเข้าใจการเล่นกีฬา ฟุตบอล

ประวัติของกีฬา

ฟุตบอล (Football) หรือซอคเก้อร์ (Soccer) เป็นกีฬาที่มีผู้มีความสนใจที่จะดูการแข่งขันและเข้าร่วมเล่นเยอะที่สุดในโลก ชนชาติใดเป็นผู้กำเนิดกีฬาจำพวกนี้อย่างแท้จริงนั้นไม่อาจจะรับรองได้แน่นอน

ความเป็นมากีฬาฟุตบอล

ฟุตบอล (Football) หรือซอคเก้อร์ (Soccer)

เป็นกีฬาที่มีผู้มีความสนใจที่จะดูการประลองและเข้าร่วมเล่นสูงที่สุดในโลก ชนชาติใดเป็นผู้เกิดกีฬาจำพวกนี้อย่างแท้จริงนั้นไม่อาจจะการันตีได้แน่นอน เหตุเพราะแต่ละชนชาติต่างยืนยันว่าเกิดขึ้นจากประเทศของตน แต่ในประเทศคนต่างประเทศเศสและประเทศอิตาลี ได้เกิดการละเล่นประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “ซูเลอ” (Soule) หรือจิโอโค เดล คาซิโอ (Gioco Del Calcio) มีรูปพรรณการเล่นที่สอดคล้องกับกีฬาฟุตบอลในปัจจุบัน ทั้งสองประเทศคงจะจะคัดค้านกันว่ากีฬาฟุตบอลจับกำเนิดจากประเทศของตัวเอง อันเป็นการหาข้อสิ้นสุดไม่ได้ เพราะขาดหลักฐานยืนยันอย่างแท้จริง ดังนี้ ประวัติของกีฬาฟุตบอลที่มีหลักฐานที่จริงจริงสามารถจะยกตัวอย่างได้ เหตุเพราะการเล่นที่มีกติกาการแข่งขันที่แน่ๆ คือประเทศอังกฤษเพราะประเทศอังกฤษตั้งสมาคมฟุตบอลในปี พุทธศักราช 2406 และฟุตบอลอาชีพของอังกฤษกำเนิดขึ้นในปี พุทธศักราช 2431

พัฒนาการด้านฟุตบอลจะเป็นไปพร้อมกับความก้าวหน้าก้าวหน้าของผู้คนโดยตลอด ต้นกำเนิดกีฬาดวงตะวันออกไกลจะได้รับอิทธิพลมาจากสงครามครั้งสำคัญๆ ยกตัวอย่างเช่น สงครามพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ได้นำเอา “แกลโล-โรมัน” (Gello-Roman) พร้อมกีฬาต่างๆเข้ามาสู่เมืองกอล(Gaul)อันเป็นเบื้องต้นส่วนหนึ่งส่วนใดของกีฬาฟุตบอลในอนาคต และการเล่นฮาร์ปาสตัม (Harpastum) ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นกีฬาซูเลอ

พัฒนาการของฟุตบอล

ภาคพระอาทิตย์ออกไกล

ขงจื้อได้กล่าวเอาไว้ในหนังสือ”กังฟู”เกี่ยวกับกีฬาโดยเฉพาะอย่างมากกีฬาที่ใช้เท้าทายและศีรษะในสมัยจักรพรรดิ์ เซิงติ (Emperor Cneng Ti) (ปี 32 ก่อนคริสตกาล) เกิดการเล่นกีฬาที่คล้ายกับฟุตบอลซึ่งเรียกว่า”ซือ-ซู” (Tsu-Chu) ซึ่งหมายความว่าการเตะลูกหนังด้วยเท้าทาย กีฬาจำพวกนี้เป็นที่นิยมอย่างแผ่ไปถึง ซึ่งนักประพันธ์และนักประวัติศาสตร์ในยุคนั้นได้ยกย่องผู้เล่นที่มีชื่อเสียงให้เป็นวีรบุรุษของชาติ และในสมัยเดียวกันได้มีการเล่นคล้ายฟุตบอลในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

ภาคดวงตะวันออกกลาง

ในกรุงโรมความก้าวหน้าของดวงตะวันออกไกลได้แผ่ขยายถึงดวงอาทิตย์ออกกลางโดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างมากจากอิทธิพลของสงครามโดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช การเล่นกีฬาจำพวกหนึ่งเรียกว่า ฮาร์ปาสตัม เป็นกีฬาที่นิยมของชาวโรมันและชาวกรีกโบราณกรรมวิธีเล่นคือ มีประตูคนละข้าง แล้วเตะลูกบอลไปยังเป้าหมายมีความต้องการที่จะ ตัวอย่างเช่น จากหมวดหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมวดบ้านหนึ่ง การเล่นจะเป็นการเตะ หรือการขว้างไปข้างหน้าฮาร์ปาสตัม หมายถึงว่าการเหวี่ยงไปข้างหน้า การเล่นกีฬาฮาร์ปาสตัมในกรุงโรมดูราวกับว่าจะฯลฯเกิดของกีฬาซึ่งมีการเล่นในยุคกลาง

สำหรับเพื่อการเล่นฮาร์ปาสตัมขนาดของสนามจะเล็กกว่าสนามกีฬาซูเลอแต่เป้าหมายของกีฬาทั้งคู่คือ การนำลูกบอล ไปยังแดนของตน แต่เพราะเหตุว่ามีเสียงอึกทึกโครมครามจากการวิ่งแย่งลูกบอลซึ่งอาจจะเป็นผลให้เกิดอุบัติสาเหตุได้เยอะมากอันเป็นข้อห้ามของพระเจ้าจึงมีพระบรมราชโองการในนามของพระเจ้าแผ่นดินห้ามเล่นกีฬาดังที่ได้กล่าวมาแล้วในเมือง ผู้ละเมิดมีโทษถึงจำคุก นอกเหนือจากนั้นนี้ยังมีข้อห้ามซึ่งออกในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.1892 ขอให้เล่นยิงธนูในวันฉพยายามต่าง ๆ แทนการเล่นเกมฟุตบอล

ในโอกาสต่อจากนั้นกีฬาฟุตบอลได้จัดให้มีการแข่งขันชิงชัยกันอีกสักครั้ง ซึ่งเป็นการพบหน้ากันเวลากลุ่มต่างๆ ที่อยู่ห่างกันโดยประมาณ 3-4 ไมล์ ( 5-6.5 กิโลเมตร)

ในปีพ.ศ.2344 กีฬาประเภทนี้ได้ขัดเกลาให้ดียิ่งขึ้นมีการจำกัดจำนวนผู้เล่นให้เท่ากันในแต่ละข้าง ขนาดของสนามอยู่ในขณะ 80100หลา(7391เมตร) และมีประตูทั้งสองข้างที่ริมสุดของสนามซึ่งทำด้วยไม้ 2 อัน ห่างกัน 2-3 ฟุต

ในปี พ.ศ. 2366 ได้จัดให้เกิดการเล่นฟุตบอลในแบบอย่างของการเล่นใน ล่าสุด William Alice คือผู้เริ่มวางหลักเกณฑ์บังคับต่างๆ สำหรับกีฬาฟุตบอลและรักบี้ ในปี พ.ศ. 2393 ได้มีการออกกฎข้อปฏิบัติและกฎเกณฑ์ของการเล่นเข้าสู่ ดินแดนต่างๆ ให้ประพฤติตาม โดยจำกัดจำนวนผู้เล่นให้มีข้างละ 15-20 คน

ในปี พุทธศักราช 2413 มีการสร้างขอบเขตผู้เล่นให้เหลือข้างละ 11 คน โดยมีผู้เล่นกองหน้า 9 คน และผู้เล่นรักษาประตู 2 คน โดยผู้รักษาประตูใช้เท้าทายเล่นเหมือน 9 คนแรกจนกระทั่งให้เหลือผู้รักษาประตู 1 คน แต่อนุญาตให้ใช้มือหยิบลูกบอลได้ในปี พุทธศักราช 2423

ในปี พุทธศักราช 2400 สโมสรฟุตบอลได้ตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกที่เมืองเซนพัสด์ ประเทศอังกฤษ และต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม พุทธศักราช 2406 สโมสรฟุตบอล 11 แห่งได้มารวมกันที่กรุงลอนดอนเพื่อตั้งขึ้นสมาคมฟุตบอลขึ้น ซึ่ง

ถือเป็นเบื้องต้นในการกำเนิดสมาคมแห่งชาติ จนกระทั่ง 140 สมาคม และทำให้ผู้เล่นฟุตบอลจะต้องเล่นตามกฎที่ต้องปฏิบัติตามและกติกาของสมาคมฟุตบอล จนตอนผ่านไปจากคำว่า Association ก็ย่อเป็น Assoc และกลับกลายเป็น Soccer ขึ้นในที่สุด ซึ่งนิยมเรียกกันในประเทศอังกฤษ แต่ชาวอเมริกันเรียกว่า Football หมายถึงว่า American football

ภายนอกเกาะอังกฤษ หมวดหมู่กะลาสีเรือ ทหาร พ่อค้า วิศวกร หรือแม้แต่นักบวชได้นำกีฬาชนิดนี้ไปเผยแพร่ ประเทศเดนมาร์กเป็นประเทศที่ 2 ในยุโรป

ในอเมริกาใต้ สโมสรแรกได้ถูกจัดตั้งในประเทศอาร์เจนตินา เมื่อพี่น้องชาวอังกฤษ 2 คน ได้ลงข้อความโปรโมทโฆษณาในหนังสือพิมพ์ของเมืองบูเอโนสไอเรส (Buenos Aires) เพื่อ หาผู้อาสาสมัครในปีพ.ศ.2427 กีฬาฟุตบอลก็กลายมาเป็นวิชาหนึ่งในโรงศึกษาของเมืองบูเอโนสไอเรส การแข่งขันชิงชัยลำดับขั้นชาติครั้งแรกในทวีปอเมริกาใต้ คือ การแข่งขันชิงชัยตอนอาร์เจนตินากับอุรุกวัย ในปี พุทธศักราช2448 แต่อเมริกาเหนือเริ่มชิงชัยเมื่อปี พ.ศ. 2435

ในอิตาลี ฮาร์ปาสตัมเป็นต้นเกิดจิโอโค เดล คาลซิโอ ผู้เล่นกีฬาจะเป็นผู้บังคับบัญชาทางสังคม หรือแม้แต่ผู้นำระดับค่อนข้างสูงของศาสนา ดังเช่นว่าสันตปาปา เกลาเมนต์ที่ 7 ลีออนที่ 10 และเออร์เบนที่ 7 เป็นถึงแชมเปี้ยนในกีฬาฟลอเรนไทน์ฟุตบอล ต่อมาชาวโรมันได้ดัดเปลี่ยนเกมการเล่นฮาร์ปาสตัมเสียใหม่โดยกำหนดให้ใช้เท้าทายแตะลูกบอลเท่านั้น ส่วนมือให้ใช้เฉพาะการทุ่มลูกบอล ซึ่งนักรบชาวโรมัน นิยมเล่นกันมาก

กีฬาฮาร์ปาสตัมซึ่งมีต้นเกิดจากสมัยโรมันได้ถูกแปลงมาเป็นกีฬาซูลอหรือซูเลอ กีฬาชนิดนี้เหมือนกันกับฮาร์ปาสตัม คือ นำลูกบอลกลับไปยังแดนของตน แต่สนามมีขนาดกว้างขวางกว่ามาก

การเล่นซูเลอโดยส่วนมากจะมีขึ้นในบ่ายวันอาทิตย์ข้างหลังการสวดมนต์เย็น จะมีการประลองสำคัญในช่วงเวลาดีคาร์นิวาล กีฬาประเภทนี้ได้รับความนิยมมากในเขตปริตานีและมอร์ลังดี กีฬานี้ได้ถูกเผยแพร่ไปยังอังกฤษโดยผู้ติดตามของวิลเลี่ยมผู้พิชิตต่อจากนั้น การรบที่เฮสติ้ง (Hasting)

เมื่อ 900 ปีกว่ามาแล้ว ประเทศอังกฤษได้ตกอยู่ด้านในความปกครองของหมู่เคนส์

เชื้อสายโรมัน ซึ่งยกกองทัพมาตีพวกเกาะอังกฤษตอนใต้ และได้ปกครองเรื่อยๆมาจนถึงปี พุทธศักราช 1589 อังกฤษเริ่มต้นแกร่งขึ้น และสามารถขับเคลื่อนไล่หมู่เคนส์ไปจากประเทศได้ ข้างหลังหลังจากนั้น 2-3 ปี อังกฤษจึงเริ่มต้นแก้ไขประเทศเป็นการใหญ่ มีการขุดอุโมงค์ตามพื้นที่หลายๆแห่ง ซึ่งสำหรับในการขุดอุโมงค์คนงานคนหนึ่งได้ขุดไปพบเจอกะโหลกศีรษะในบริเวณที่เคยเป็นสนามรบ และเป็นที่ฝังศพของหมวดหมู่เคนส์มาก่อนทุกท่านในที่นั้นแน่ใจว่าเป็นกะโหลกศีรษะของหมู่เคนส์ อารมณ์แสืบค้นจึงเกิดขึ้นทันทีเมื่อต่างคนต่างคิดถึงเรื่องราวที่ถูกพวกเคนส์กดขี่ทารุณจิตใจคนอังกฤษในสมัยนั้นด้วยปัจจัยผลนี้ คนงานคนหนึ่งก็เลยเตะกะโหลกศีรษะนั้นทันที ส่วนคนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นก็พากันยุติงานชั่วคดัง แล้วหันมาเตะกะโหลกศีรษะเป็นการใหญ่ เพื่อระบายอารมณ์แค้นหาที่เก็บไว้อย่างส calvinblanco